นิตยสารโอ-ลั้นลา
คอลัมน์ : O-health
โรคเบาหวานเป็นได้ก็หายได้ต้องแก้ให้ถูกทาง แก้ที่เหตุแห่งโรคในแนวธรรมชาติบำบัด
นี่คือความเชื่อของ ป้านิด-คุณนิดดา หงษ์วิวัฒน์
ป้านิดเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์แสงแดด และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการทำอาหาร เธอนำประสบการณ์และการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองหลายสิบปีมาถ่ายทอดเป็นหนังสือ รวมถึงเปิดร้านจำหน่ายสินค้าออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์สุขภาพ 'แสงแดด เฮลท์มาร์ท (Sangdad Health Mart)' และ 'ร้านดีจริง' ที่ขายอาหารมังสวิรัติอยู่ภายในพื้นที่ของแสงแดด เฮลท์มาร์ทอีกด้วย
ป้านิดไม่แต่งหน้าเหมือนผู้หญิงยุคใหม่ และมักนุ่งห่มผ้าไทยจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติมาหลายสิบปี ทำให้ป้านิดในวัย 67 ปียังคงมีแววตาที่สดใส และไม่เจ็บป่วยด้วยโรคใดๆ พิสูจน์ให้เห็นแนวทางที่เธอเชื่อเรื่องการกินอยู่แบบธรรมชาติ
หนังสือ “อาหารต้านเบาหวาน แนวธรรมชาติบำบัด” ที่เธอเขียนย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
“โรคเบาหวานเกิดจากการกินแป้งเยอะ กินหวานเกิน กินมันมาก กินไม่เป็นเวล่ำเวลา กินจนดึกจนดื่น ตับ ไต ตับอ่อน ทำงานหนักจนทรุด เกิดภาวะร้อนเกินในร่างกาย จนกลายเป็นโรคเบาหวาน โรคเบาหวานจะหายได้ก็ด้วยวินัยการกิน การออกกำลังกาย และผ่อนคลายความเครียด”
ป้านิดเล่าว่า โรคเบาหวานคือสภาวะเลือดในร่างกายที่มีปริมาณกลูโคสในปริมาณที่สูงกว่าปกติ กลูโคสก็คือแป้งและน้ำาตาลจากอาหารที่เรากินเข้าไปนั่นเอง
ถ้ากลูโคสในกระแสเลือดอยู่ที่ 80-110 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ถ้าสูงเกินกว่า 120 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรก็จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน
กินอย่างมีสติ ต้านเบาหวาน
ด้วยเหตุที่โรคเบาหวานมีสาเหตุหลักมาจากการกินป้านิดจึงแนะนำว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องปรับการกินอาหารอย่างมีสติ เพื่อปรับสมดุลร้อนเย็น (หยิน-หยาง) ให้สมดุลกับร่างกาย คือการเคี้ยวอาหาร ต้องเคี้ยวให้ละเอียด เพราะอาหารที่ถูกเคี้ยวอย่างละเอียดจนน้ำลายออกมาเต็มปาก สามารถถอนพิษร้อนของอาหารได้ และอาหารจะถูกดูดซึมไปใช้ได้เร็ว จำนวนสารอาหารก็มากทำให้เบากาย มีกำลัง
-
การดื่มน้ำ
ไม่ควรดื่มน้ำหลังอาหารทันที แต่ควรดื่มเมื่อรู้สึกกระหาย หรือหลังจากกินอาหารแล้วครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมง -
ปริมาณอาหาร
กินแต่พอดี อิ่มพอสบายกาย หรือให้ท้องพร่องเล็กน้อยยิ่งดี -
มื้อของอาหาร
การกินอาหารที่ถูกต้องกับร่างกายและระบบการย่อย ต้องกินอาหารหลักในมื้อเช้าและมื้อเที่ยงเท่านั้น เพราะไฟย่อยมีประสิทธิภาพในช่วงเช้า มีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วง 12.00-14.00 น.เป็นไปตามเวลาโคจรของดวงอาทิตย์ มื้อเย็นไม่ควรกินอาหารหนักอย่างยิ่ง ควรกินแต่เบาๆ เพียงผักสลัด ส้มตำ แกงจืด หรือยำรสชาติไม่จัด หรือผลไม้ฤทธิ์เย็น (ไม่หวานจัด) หรืออาหารว่างประเภทน้ำเต้าหู้ใส่เครื่อง และต่อไปค่อยๆ ลดมื้ออาหารที่กินจาก 2 มื้อ เป็น 1 มื้อก็ยิ่งดีต่อสุขภาพและการรักษาโรค -
อาหารที่กิน
ควรเป็นอาหารรสจืด และเป็นอาหารพลังสด ทั้งผักสดและผลไม้สดที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ฟัก มะละกอ ส้มโอ แตงไทย แคนตาลูป ฯลฯ รวมถึงกินอาหารเสริมแบบธรรมชาติที่มีวิตามินที่มีองค์ประกอบสมดุล เช่น น้ำข้าวกล้องงอก น้ำนมถั่วเหลือง น้ำต้มถั่วเขียว น้ำคลอโรฟิลล์จากผักสีเขียว (นำผักไปปั่น แล้วกรองน้ำ เช่น น้ำใบบัวบก น้ำย่านาง น้ำใบเตย) น้ำผลไม้สดรสไม่หวาน น้ำรากบัว น้ำลูกเดือย -
ออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายทุกวัน จะเป็นโยคะ แกว่งแขน หรือเดินได้ทั้งสิ้นให้ได้ 45-60 นาที
เบาหวานเป็นได้ก็หายได้ อยู่ที่วินัยในการกินอยู่
จริงไหม ? ลองมาทดสอบด้วยตัวเองกันเลยดีกว่า…