นิตยสารโอ-ลั้นลา ฉบับมิถุนายน 2559
Column : Cover Story
หลังเกษียณ การเดินทางท่องเที่ยวคงเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายคน...แต่จะไปกับใครล่ะ
"ลูกติดงาน เพื่อนต้องเลี้ยงหลาน ขืนรอคงอดเที่ยวพอดี"
ด้วยความคิดนี้ ป้าแป๋ว-กาญจนา พันธุเตชะ อดีตนักวิชาการสาธารณสุข ระดับ 9 จึงผลักดันความกล้าในตัวเอง เริ่มออกเดินทาง (คนเดียว) เต็มรูปแบบ ในวัยหลัง 60 ปี ลูกชายคนเล็กขอตั้งฉายาให้แม่ว่า “ฮิปสเตอร์กาญจนา”และเล่าประสบการณ์แสนน่าอิจฉาผ่านเพจ ป้าแบ็คแพ็ค ที่มี followers อุ่นหนาฝาคั่ง
หลายเหตุผลที่ทำให้คนวัยหลัง 60 ไม่พร้อมออกเดินทาง
ลูกหลานไม่ให้ไป - เป็นห่วงแม่ - แม่ก็ห่วงบ้าน -สุขภาพไม่อำนวย - ไปคนเดียวจะปลอดภัยเร้อ ฯลฯ
ป้าแป๋ว ก้าวข้ามขีดจำกัดทุกอย่าง ทั้งความกลัวและความไม่พร้อม ออกเดินทางไปตามใจและไปในดินแดนที่สมัยสาวๆ อยากไป แต่ไม่ได้ทำ
สองเท้า ย่ำโลก
"สมัยก่อนป้าเป็นข้าราชการ ไม่มีโอกาสเดินทาง เพราะค่าใช้จ่ายในการไปต่างประเทศค่อนข้างสูง” ป้าแป๋วเริ่มต้นเล่าถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ “ออกนอกประเทศครั้งแรกก็ตอนอายุเกือบ 50 แล้ว ครั้งแรกไปปักกิ่งกับทัวร์ อยากไปเห็นกำแพงเมืองจีน ก็ดีนะได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรก”
สำหรับป้าแป๋ว การเดินทางเหมือนกับการได้ชาร์จแบตเตอรี่
“จนกระทั่งก่อนเกษียณ เรารู้สึกว่าร่างกายเรายังคล่องแคล่วไปไหนได้ ไม่ควรอยู่บ้านเฉยๆ จึงจองทัวร์ไปเที่ยวสิบสองปันนา เพราะอยากเห็นเส้นทางจากเชียงรายขึ้นไปทางเหนือ พอขากลับบอกทัวร์ขอลงที่เชียงราย จะอยู่เที่ยวต่อคนเดียว และนับเป็นจุดเริ่มต้นจนเกิดทริปอื่นๆ ตามมา”
เหตุผลที่เธอเลือกเดินทางคนเดียว เธอตอบสั้นๆ ว่า “ตอนนั้นก็ไม่คิดจะรอใครแล้ว จะรอให้ลูกพาไปเที่ยวก็คงไม่ได้ไป เพราะเขาก็ทำงาน พ่อบ้านก็ยังทำงานอยู่ เป็นไปไม่ได้เลย เราจะรอให้ใครพาเราไป ในเมื่อเราไปเองได้ เราไม่ต้องรอ”
สังขารและวัยที่ (ใครมองว่า) ร่วงโรย ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะป้าแป๋วคล่องแคล่ว ฝ่ามือเต่งตึง เสียงหัวเราะสดใสและท่าทีกระฉับกระเฉง พอเที่ยวในประเทศคนเดียวจนติดใจ เริ่มจากเก็บแต้มทางจังหวัดในภาคเหนือ ป้าแบ็คแพ็คจึงขอตามใจแบกเป้ไปท่องโลกข้างนอกบ้าง
จากแรงบันดาลใจในหนังสือท่องเที่ยวเล่มหนึ่งที่ป้าแป๋วอ่านจากห้องสมุด เล่าถึงการวางแผนเตรียมตัวเดินทางนอกประเทศ การเตรียมตัวขอวีซ่า เส้นทางการเดินรถ
จุดหมายแรกที่เธอเลือกคือพม่าทางตอนใต้ เมืองมะละแหม่ง ด้วยความตั้งใจว่าจะไปตามรอยเรื่องราวของมะเมียะ
ป้าแป๋วสนุกกับการตะลุยพม่าลำพัง ไม่มีอุปสรรคเรื่องภาษา เนื่องจากชาวบ้านสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ “แล้วได้ตามรอยมะเมียะสมใจไหมคะ” เราแอบถาม
"ได้ไปเห็นที่ที่เขามาเจอกัน โรงเรียนที่เจ้าน้อยมาเรียนก็ยังมีอยู่ แต่ตอนนี้กลายเป็น ที่ทำงานอย่างอื่นแล้วมีร่องรอยของความเจริญ มีอาคาร 4 ชั้นสมัยก่อนเป็นโรงเรียนฝรั่ง จากที่อ่านดูก็ไม่มีร่องรอยของมะเมียะนะ แต่ว่ามีสถานที่ที่เขาไปสาบานรักกัน ได้ไปเห็นตลาดที่มะเมียะขายยามวนยาเส้น”
แม้ไม่อาจสานต่อรอยประวัติศาสตร์ แต่สำหรับเธอการเดินทางครั้งนี้ก็สมบูรณ์แล้วเมื่อเธอเริ่มก้าวขาออกจากบ้าน ป้าแป๋วเดินทางคนเดียวรู้สึกสบาย เป็นอิสระอยากไปร้านไหนก็แวะ บ้านไหน เมืองไหน ถ้ามีห้องสมุดเก่าๆ ก็จะเข้าไปชม
“พอเกษียนแล้วรู้สึกว่าหัวเราจะเบามากเลย เพราะตอนทำงานอยู่ความเครียดตามเรามาถึงบ้าน ตอนนี้เราได้มีเวลาของเรา ชีวิตเหมือนกับรถที่วิ่งเร็วๆ มาตลอดชีวิต ครั้นจะให้หยุดทันทีมันไม่ใช่ เราก็เบนมาทำในสิ่งที่เราสนใจ และป้าก็เลือกแล้วว่านั่นคือการเดินทาง”
จากพม่า ทริปที่สองคือมาเลเซีย ไปปีนังรอบหนึ่ง รอบที่สองไปมะละกากับกัวลาลัมเปอร์ เป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ล้วนๆ ความสุขและความสนุกนำไปสู่ทริปอื่นๆ เช่น ละเลียดความรื่นรมย์ในเมืองเกียวโต ลิ้มรสดินแดนแห่งสมรภูมิสงครามที่ฮิโรชิมา ลุยเดี่ยวเปรี้ยวสุดๆ ในเวียดนาม (แถมโดนกลโกงที่เวียดนามหลอกให้เจ็บใจแต่เธอก็ว่านี่ละรสชาติการเดินทาง) ขึ้นเหนือไปเผชิญความหนาวเหน็บที่ซาปา หรือแม้แต่ทริปตะลอนเที่ยวโบสถ์ ชื่นชมสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ ทั่วมาเก๊า เกาลูนฮ่องกง
กลางปีนี้ (สัมภาษณ์ปี 2559) เธอมีแผนลุยเดี่ยวไปรัสเซียคนเดียว เพราะบางครั้งการเดินทางก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาก วางแผนให้ดีทำร่างกายให้พร้อม
...กระเป๋าเป้หนึ่งใบ รองเท้าผ้าใบคู่หนึ่ง กางเกงตัวสองตัวก็พอแล้ว