นิตยสาร O-lunla
คอลัมน์ A Dish of Nutrition
ทราบหรือไม่ว่าอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทย ส่งผลให้ร้อยละ 80 ของประชากรมีลักษณะร่างกายตรงตามตำราแพทย์แผนจีนที่เรียกว่า “ชื้น” ซึ่งความชื้นในร่างกายนั้นก็ย่อมมีทั้งผลดีและผลเสียเป็นของคู่กัน โดยผลดีนั้นหมายถึงการสร้างความชุ่มชื้นเพื่อบำรุงผิวหนังไม่ให้แห้งกร้าน
แต่ในขณะเดียวกันเมื่อร่างกายได้รับความชื้นจากความชื้นสัมพัทธ์ที่มีในอากาศรอบตัวมากเกินไป บวกด้วยความชื้นที่เกิดขึ้นเองจากภาวะความผิดปกติภายในร่างกาย นั่นย่อมกลายเป็นสัญญาณแห่งโรคภัยที่จะเกิดตามมา
แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะเราจะพาไปรู้จักฮีโร่ที่สามารถกำจัดความชื้นส่วนเกินในร่างกายได้อย่างน่าอัศจรรย์ พบเจอได้ง่ายตามท้องตลาด ร้านขายขนมหวาน หรือแม้แต่ในถุงน้ำเต้าหู้... แถมยังราคาถูกแต่มากคุณค่า ฮีโร่ที่ว่าก็คือ “ลูกเดือย” นั่นเอง
ม้ามพร่อง = ร่างกายชื้น
ในตำราแพทย์แผนจีนนั้นมีลักษณะทางกายภาพและลักษณะการเต้นของชีพจรประเภทหนึ่งที่ระบุได้อย่างชัดเจนว่า “ร่างกายชื้น” โดยหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ร่างกายชื้นมาจากภาวะ “ม้ามพร่อง” (ในความหมายของแพทย์แผนจีน กินความหมายกว้างถึงระบบย่อยอาหารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับ ม้าม)
ดังนั้นภาวะม้ามพร่อง หรือ ม้ามอ่อนแอ จึงหมายถึง ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ ร่างกายดูดซึมน้ำและอาหารได้ไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้เกิดของเสียสะสม เป็นสาเหตุให้อาหารที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายไม่ต่างจากถังขยะเปียกที่มีเศษอาหารบูดอยู่เต็มไปหมด ยิ่งเราปิดฝาถังทิ้งไว้สักสองสามวันก็จะเกิดไอน้ำขึ้นภายใน
ร่างกายก็เช่นกัน เมื่ออาหารไม่ถูกดูดซึมก็จะก่อให้เกิดความชื้น นานวันเข้าก็จะกลายเป็นความร้อนและเกิดโรคต่างๆ ขึ้นตามมา
อัศจรรย์แห่งลูกเดือย
“ลูกเดือย” ปลูกมากในแถบแถวฟูเจียน เหลียวหนิง เหอเป่ย ประเทศจีน คุณสมบัติเด่นคือการให้ฤทธิ์เย็น พร้อมสรรพคุณในการบำรุงม้าม กระเพาะ และระบบย่อยอาหารทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องของการขับเสมหะและขับความชื้นถือเป็นความอัศจรรย์ของลูกเดือย
นอกจากนี้ลูกเดือยยังมีวิตามินเอบำรุงเรื่องสายตา รวมทั้งวิตามินอีและบี บำรุงผิวหนังให้ความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งนี่คือเรื่องที่น่าแปลกของลูกเดือย ที่แม้จะเป็นธัญพืชขับไล่ความชื้นส่วนเกินของร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมอบความชุ่มชื้นเพื่อนำมาบำรุงเล็บ ผม ผิวหนังได้อีกด้วย
และแม้ลูกเดือยจะมีลักษณะเป็นแป้ง ทว่ามีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และกากใยสูง เหมาะกับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
อีกคุณสมบัติเด่นของลูกเดือยคือเรื่องการฟื้นฟู ด้วยกรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิดที่อยู่ในลูกเดือย ทำให้ธัญพืชก้นครัวชนิดนี้เหมาะสำหรับทำอาหารให้ผู้ป่วยระยะฟื้นฟู เช่น คนที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต โดยควรกินติดต่อกันทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1-2 กำมือ ซึ่งเมนูแนะนำจากลูกเดือย ได้แก่
- น้ำลูกเดือย นำลูกเดือยมาแช่น้ำสัก 4-6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาต้มเพื่อดื่ม
- ไก่ต้มฟักใส่ลูกเดือย นำลูกเดือยมาแช่น้ำสัก 4-6 ชั่วโมง จากนั้นนำลูกเดือยที่แช่น้ำแล้วไปต้มในน้ำสต็อก ใส่เนื้อสัตว์ซึ่งอาจจะเป็นไก่ ต้มให้เดือดแล้วจึงใส่ฟัก
- ลูกเดือยต้มน้ำตาล เมนูนี้เป็นการนำ 3 เซียน ในตำรายาจีนมาเจอกัน ได้แก่ เม็ดบัว ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ลูกเดือยและพุทราจีน บำรุงกำลัง นำทั้งสามไปต้มในน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลกรวด ซึ่งทั้งสองมีฤทธิ์ทางยาจีนช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย กลายเป็นขนมหวานที่มีสรรพคุณทางยาอย่างครบถ้วน
- ข้าวธัญพืช สำหรับใครที่อยากกินลูกเดือยทุกวันโดยไม่ให้รู้สึกว่ากำลังกินเมล็ดธัญพืช แนะนาให้ผสมลงไปในข้าวสวย โดยต้องไม่ลืมนำลูกเดือยไปแช่น้ำให้นิ่มก่อนสัก 4-6 ชั่วโมง จากนั้นหุงผสมกับข้าว ในอัตราส่วนข้าว 1 ลูกเดือย 2 เท่านี้ก็สามารถกินลูกเดือยได้ทุกวันอย่างไม่เบื่อ
อาการแบบนี้ฟันธงทันทีว่าร่างกาย “ชื้น”
- ลิ้นบวม เป็นฝ้าสีขาวหนา
- แขน ขา หน้า บวม
- อุจจาระเหลว ขับถ่ายบ่อย ท้องเสียเป็นประจำ
- ตัวท้วม เนื้อเหลว
- ไม่กระปรี้กระเปร่า ง่วงตลอดเวลา
- ตกขาวเยอะผิดปกติ
- กระแอมกระไอตลอดเวลา เพราะมีเสมหะเยอะทั้งที่ไม่ได้เป็นไข้หวัด
ขอบคุณข้อมูล
อาจารย์อรภา ศิลมัฐ จบปริญญาตรี คณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญเงิน) และปริญญาโท สาขากุมารเวชศาสตร์แผนจีน มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีนปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เฉลิมพระเกียรติ นอกจาก นั้นยังเป็นแพทย์จีนประจำคลินิกหัวเฉียว (บางนา-ตราด) เชี่ยวชาญเฉพาะโรคเด็ก และทางเดินระบบหายใจ
สนใจติดตามข่าวสารดี๊ดี แอดไลน์เป็นเพื่อนกัน | (คลิกจากโทรศัพท์มือถือ)