Column : หนุนตักฟังเรื่องเล่า
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ใน นิตยสารโอ-ลั้นลา ฉบับเดือนเมษายน 2560
คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่หัวค่ำวันพฤหัสบดี จะคอยติดตามรายการนี้ The Mask Singer ชายผอมสูง ผิวเข้ม ปรากฎในจอโทรทัศน์บ่อยกว่ากรรมการคนไหนๆ เพราะเขาทำหน้าที่เป็น Music Director - หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม
ความสำเร็จทุกวันนี้ เริ่มต้นจากการกล่อมเกลาของ "พ่อ" ผู้รักดนตรี
ความรักดนตรีของพ่อ เติบโตขึ้นในตัวเขา หนึ่งบอกว่าสิ่งที่เขาจะแสดงความกตัญญูเพื่อตอบแทนพ่อแม่ได้ คือการทำให้นามสกุล "เสาธงยุติธรรม" ของพ่อเป็นที่รู้จัก
"ผมเป็นคนชอบฟังเพลง เมื่อก่อนไม่มีโซเชียล ยูทูบ ทุกอย่างต้องซื้อ คอนเสิร์ต ตำรา วิดีโอ เทปคาสเซ็ต ซื้อหมดเพราะเราอ่านโน้ตไม่เป็น เลยต้องแกะเพลงให้เยอะที่สุด ซื้อที 20-30 ม้วนมาแกะ บางทีไม่มีตังค์กินข้าว แต่มีเพลงฟังเยอะเลย - - เทปหลายพันม้วนทำให้เรามีงานจนทุกวันนี้"
'พ่อ' โน้ตตัวแรกในครอบครัว
"เด็กๆ บ้านผมอยู่ชุมชนคลองเตย พ่อทำงานการท่าเรือ ผมเกิดมา พ่อตั้งชื่อให้ว่า “หนึ่ง” เพราะตัวดำที่หนึ่งในโรงพยาบาล ชื่อจริงคือ จักรวาร จักรคือที่หนึ่ง วารคือวาระหรือเวลา แต่ตอนหลังผมเปลี่ยนมาใช้ ล ลิงสะกด"
"พ่อขาพิการตั้งแต่ผมจำความได้ เพราะถูกตู้คอนเทนเนอร์ทับ พ่อขับรถลากเลี้ยงครอบครัว เสร็จจากงานก็ต่อเพลงกับเพื่อนๆ เป็นนักร้องลูกทุ่งที่ดังสมัยนั้น ชัยชนะ บุญนะโชติ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ มีคนข้างบ้านคนหนึ่งผมเรียกว่า “ป๋า” ป๋าสอนผมตีกลองเล็กๆ เล่นแอคคอร์เดียน เวลาเขาไปไหนกัน เราก็ไปด้วย ไปดูนักร้อง หางเครื่อง เห็นทุกวันเหมือนเป็นการปลูกฝัง เป็นความชอบ"
"สัก 3 ขวบ ตอนที่พ่อต่อเพลง มีคีย์บอร์ดเล็กๆ ตัวหนึ่ง พอพ่อร้องอะไรก็ให้เราลองกดตามจังหวะที่พ่อร้อง ส่วนปู่เป็นอิสลามที่เคร่งครัด เป็นคนร้องนำละหมาดและเล่นลำตัด แกเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน บางครั้งปู่กับพ่อคุยกันเป็นกลอนลำตัดเลย เราได้ยินก็สนุกดี สองแง่สองง่ามบ้าง เป็นมุกตลกบ้าง คุณตาเล่นลิเก คณะคุณตาดังมากในภาคใต้ "คณะบุญชุบ รุ่งศิริ" ผมเล่นระนาดได้ก็เพราะคณะลิเกของตา ก่อนแสดงจะมี “หน้าม่าน” ผมก็ไปดู ไปช่วยเขาเล่นเป็นประจำ"
ผมอยากเรียนเปียโน แต่...
"ส่วนการเรียนดนตรีในรั้วโรงเรียน ผมเรียนนาฏศิลป์กรุงเทพฯ ตั้งใจเข้าไปเรียนเปียโน แต่กลับได้เรียนไวโอลิน อาจารย์บอกว่าคนลงตัวแล้ว ให้เรียนเปียโนเป็นวิชาโทแทนตอน ม.4 ต้องรออีกสามปี เรารอไม่ได้ เพราะเหมือนเอาเวลาไปทิ้งสามปี ครูเลยบอกให้ไปเรียนพิเศษตอนเลิกเรียนแต่ผมไม่มีตังค์ ก็เลยปฏิญาณกับตัวเองว่า ถึงจะไม่ได้เรียนเปียโน แต่เราต้องเล่นให้ได้"
"วันที่สองรีบมาโรงเรียนตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ได้ยินเสียงเปียโนลอยมา ตกใจ...นึกว่าผี ปรากฏว่าครูท่านหนึ่งซ้อมเปียโนอยู่ ผมแอบดูว่าครูซ้อมอะไร พอครูลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็วิ่งเข้าไปดูหนังสือที่ครูซ้อม จดๆๆ ตอนเย็นก็ไปหาซื้อ ฟังครูเล่นแล้วจำ แอบไปเล่นอีกห้องหนึ่งโดยที่ไม่รู้ว่าคือโน้ตอะไร จำแล้ววิ่งมาฟังใหม่"
"กฎของโรงเรียนนี้คือ ห้ามจับเครื่องดนตรีที่เราไม่ได้เรียน ห้ามเล่นดนตรีกลางคืน ซึ่งเราฝ่ากฎ เพราะต้องทำมาหากิน พี่ชายญาติกันเล่นคาเฟ่อยู่ ผมเลยขอไปเล่นด้วย ก็ถามอาจารย์ครับคอร์ดนี้เล่นยังไง แล้วจำมา จนมั่นใจว่าเพลงส่วนใหญ่เราเล่นได้ ก็เลยบอกพี่ชายว่าหาร้านให้หน่อย พอเล่นเอง ก็มีเพลงที่เล่นได้ และเล่นไม่ได้ เพลงไหนเล่นไม่ได้ ก็เอาแฟ้มโน้ตนักร้องกลับบ้าน ทยอยดู เทียบฟัง แกะจากเทป"
หมื่นฟัง พันซ้อม
"เล่นมาปีนึงไม่มีใครรู้ ครูมาจับได้ประมาณ ม.2 เพราะจักรวาลหลับในห้องเรียน พอเทอมสองเชิญผู้ปกครองมาเลย กลัวติดยาเพราะดูประวัติว่าอยู่คลองเตย คุณแม่บอกเปล่าค่ะ เขาเล่นดนตรีกลางคืน"
"ผมมาถึงโรงเรียนตีห้าทุกวัน นั่งซ้อมจนแปดโมงเช้า พอเลิกเรียนสี่โมงเย็น ซ้อมเปียโนอีกนิดหนึ่งแล้วกลับบ้าน แม่สนับสนุนเราเต็มที่ด้วยการเตรียมข้าวใส่ปิ่นโต เราอาบน้ำแล้วพี่ชายรอรับไปเลย เลิกเล่นออกมาตีสาม ตีสี่ กลับมาบ้าน อาบน้ำ ไปโรงเรียน ซ้อมต่อ เอาเวลาไหนมานอน พ่อก็คอยถามนะว่าผมไหวไหม ผมบอกว่า ผมยังไหว ยังสนุกอยู่ เสาร์อาทิตย์เขาหยุดกัน ผมยังบ้าซ้อมเปียโน เงินที่ได้จากทำงาน เราก็เอามาซื้อเทปฟัง"
เป้าหมายชีวิต
"ทำงานสักพักก็อยากเลี้ยงดูแม่ เลยหาเช่าบ้านที่ใกล้ๆ โรงเรียน เราคนเดียวอยู่ไหนก็ได้ แต่พอพาแม่มากลางคืนเราไม่อยู่ไปทำงาน ก็เลยหาห้องที่ให้แม่อยู่สบาย ทุกอย่างแพง บางทีครูถามเห็นทำงานเยอะ ทำไมไม่ซื้อบ้าน คือมันไม่พอหรอก สมัยก่อนต้องมีเงินก้อนเพื่อดาวน์ เราไม่มี หาเงินมาได้แต่ละเดือนจ่ายค่าห้องหมด ให้แม่ไว้กิน แต่มีเงินทุกเดือน ให้แม่อยู่เต็มที่ คิดว่า...เดี๋ยววันหนึ่งก็มีเอง"
"ต่อมาก็เริ่มวางเป้าหมายใหม่ อยากเล่นให้ศิลปิน รู้สึกเท่ แล้วก็ได้เล่นจริงๆ เล่นให้พี่ฟอร์ด (สบชัย ไกรยูรเสน) จากนั้นก็ฝันไปไกลอีก เท่แล้วยังไง แล้วอีก 30 ปีข้างหน้า พอเราแก่แล้วจะเล่นให้ใคร จึงเริ่มมาทำเพลง ทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนมาเลย เอาเพลงพี่
ฟอร์ดมานั่งดัดแปลง เปลี่ยนเวอร์ชั่น เปลี่ยนจังหวะ พี่ฟอร์ดฟังซ้อมแล้วบอกว่าโอเคว่ะหนึ่่ง ดี...เอาเลย"
ไปเที่ยวกันนะแม่
"พ่อผมเสียไปก่อนจะได้เห็นความสำเร็จของผม (นิ่งน้ำตาคลอ) แต่ทันตอนเราเล่นดนตรีหนัก เห็นเป็นความสุข เขาก็ไม่ว่า แค่ถามว่าไหวไหม - - ส่วนแม่ดูรายการที่เราไปออกประจำ ภูมิใจ บางทีดีใจร้องไห้ แกกลัวลูกจะอาย เพราะแกเดินไม่ได้ กลัวลูกลำบาก เลยหาข้ออ้างสารพัดที่จะไม่ไปไหน - - ผมบอกไม่อายหรอก ทุกวันนี้ยังเล่นนมแม่อยู่เลย มินมิน (ลูกสาว) ก็ชอบเล่นนมย่า เวลาเข้าห้องน้ำเราคอยถอดให้ ผมบอกแม่ว่า...ไม่ต้องอาย หนูว่าน่ารักดีนะ… ตอนหลังแม่ก็โอเคขึ้น ผมบอกแม่ไปเถอะ ไปเที่ยว ไปอยู่กับลูก เพราะวันหนึ่งมีตังค์เยอะๆ แต่ร่างกายอาจไปไม่ไหวแล้ว"