Column : หนุนตักฟังเรื่องเล่า
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มใน : นิตยสารโอ-ลั้นลา ฉบับเดือนพฤษภาคม 2560
เรื่องเล่าของไม้เรียว
"ครอบครัวผมอบอุ่นมากถึงมากที่สุด (หัวเราะ) เป็นบ้านที่คุณแม่และคุณพ่อ (นคร เวชสุภาพร หัวหน้าวงแกรนด์เอ็กซ์) เป็นคนมี
ระเบียบชีวิตมากเมื่อกลับจากโรงเรียนแล้ว ผมต้องเรียนภาษาไทย (เพราะเรียนโรงเรียนนานาชาติ) กวาดหน้าบ้าน ล้างห้องน้ำ ไปเรียนว่ายน้ำ กลับมาซ้อมเปียโน เด็กๆ ถ้าพูดไม่มีลงท้ายว่าครับ…จะโดนหลังมือคุณแม่ เพียะ เจอใครไม่ไหว้ตีเลย"
"ผมซ้อมเปียโนตั้งแต่ 4 ขวบ วันละ 10-15 นาที ฟังดูเหมือนน้อย แต่สำหรับเด็ก 4 ขวบมันนานนะครับ มีเครื่องอัดเทปอัดอยู่ พอคุณพ่อกลับมาบ้าน ท่านก็เพลย์ฟังว่าซ้อมหรือยัง ซึ่งมันโกงกันไม่ได้ไง สมัยก่อนไม่มี MP3 หรือการก๊อปปี้ ถ้าวันไหนไม่ซ้อมก็โดนตี วันหนึ่งคุณพ่อเปิดเทปฟังเสียงซ้อมไปซ้อมมา กลายเป็นเสียงผมทะเลาะกับน้อง วันนั้นผมเลยโดนไม้เรียวฟาดเต็มๆ คุณแม่เงื้อไม้จะตี ผมหลบทัน รอยไม้เรียวจึงฟาดโดนเปียโนเป็นรอยมาทุกวันนี้ - - เปียโนตัวแรกทุกวันนี้ก็ยังอยู่ห้องนอน ที่สำคัญมีรอยไม้เรียวอยู่ด้วยนะ (หัวเราะ)"
"เรื่องไม้เรียวนี่ผมโดนมาทุกรูปแบบ ไม้มะยมนี่เบสิกมาก ทั้งเข็มขัด ไม้ลูกโป่ง แต่ที่คือเจ๋งสุดคือหวาย เวลาหวดทีเสียงดังฟรับ!
ผมโดนตลอด แล้วผมเป็นพี่ด้วย จะโดนหนักกว่าน้อง โดนตีมาเยอะ แต่เพราะไม้เรียวนี่ละ-- เราถึงมีวันนี้ได้"
ไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จ
"ผมรู้ตัวว่าอยากเป็นนักดนตรีตั้งแต่ 5 ขวบ เพราะผมถูกจับเรียนเปียโนตั้งแต่ 3 ขวบ ผมโชคดีที่เจอสิ่งที่เรารักได้เร็ว เหมือนเจอเป้าหมายและวิ่งนำเพื่อนไป"
"ในห้องเรียนอาจจะสอนว่าการเป็นนักดนตรีที่เก่ง ต้องฝึกฝีมืออย่างไร แต่คุณพ่อจะสอนว่าการเป็นนักดนตรีที่ดีควรใช้ชีวิตอย่างไร ควรปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร ควรมีทัศนคติอย่างไร เป็นสิ่งที่ปลูกฝังมาจากคุณพ่อ"
"ผมเติบโตมาด้วยแนวคิดของคุณพ่อ 3 ข้อ ข้อแรกเก่งไม่เก่งไม่สำคัญ ที่สำคัญขอให้เป็นคนดี พ่อไม่เคยบอกว่าต้องเรียนได้เกียรตินิยม เวลาได้รับสมุดพก พ่อไม่สนใจว่าจะได้เกรดอะไร A B C D แต่สนใจว่าครูเขียนอะไรตรงโน้ตหน้าสุดท้าย อยู่ที่โรงเรียนนิสัยดีไหม คุณพ่อแคร์ตรงนั้นมากกว่า เก่งไม่เก่งไม่สำคัญ ขอแค่เป็นคนดีเสียอย่าง ก็มีโอกาสที่จะเป็นคนเก่งในวันหนึ่ง เพราะเด็กดีจะมีความตั้งใจ มีวินัย มีความกตัญญู อยากจะได้ดี สิ่งเหล่านี้ผลพลอยได้คือจะเป็นเด็กเก่งนั่นเอง"
"ข้อสอง ความสำเร็จใดๆก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ตอนผมได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ท่านก็บอก โอเค…เหรอ…ก็ดี แต่ไม่ได้เป็นสิ่งสูงสุดของชีวิต - - วันหนึ่งทุกอย่างก็ต้องผ่านไป ในทางกลับกัน วันนี้คุณอาจท้อแท้ ผิดหวัง ไม่ได้ดั่งใจ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเช่นกัน ไม่มีอะไรยั่งยืน เพราะฉะนั้นทำชีวิตทุกวันนี้ให้ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่คุณพ่อสอนเสมอ"
"คำสอนที่สามคือ ไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จ There’s no easy way to success คนเราอยากประสบความสำเร็จ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมลงไปเดินถนนหนทางนั้นที่มันลำบาก กว่าจะไปถึงจุดสูงสุดได้"
"ความสำเร็จ" ที่คุณเห็นผมทุกวันนี้เป็นผลลัพธ์ของการซ้อม การทุ่มเท การมีวินัย ผมไมได้มาอยู่ตรงนี้เพราะโชคดี แต่ผมฝึกซ้อมและตั้งใจ ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตัวเอง ว่าเราเป็นอะไร แล้วก็คอยพัฒนาตัวเองเสมอ"
ปู่ พ่อ และผม
"ปีนี้คุณพ่อผมอายุย่างเข้า 66 ปี คุณแม่ 59 ปี ผมเกิดไม่ทันช่วงเวลาที่คุณพ่อโด่งดัง แต่ท่านเล่าเสมอว่า พอรู้ว่าคุณแม่มีผม คุณพ่อก็เลิกหมดเลยเลิกทำวงแกรนด์เอ็กซ์ เพราะกลัวไม่มีเวลาอยู่กับลูก ถ้ากลางวันเลี้ยงลูก แล้วกลางคืนออกไปเล่นดนตรี มันไม่มีประโยชน์เลยถ้าไม่ได้เจอหน้าลูก…"
“คุณพ่อบอกว่าสมัยก่อนเป็นนักร้องดัง จะมีแฟนเปิดตัวไม่ได้ ต้องอยู่บ้านเงียบๆ ไม่เคยออกไปไหนด้วยกัน งานแต่งงานจัดเล็กๆ ไม่ให้คนนอกรู้ คุณพ่อบอกว่าผู้หญิงอย่างคุณแม่หายากมาก จะมีสักกี่คนที่เข้าใจและรับได้ ซึ่งคุณแม่ดูแลคุณพ่อ พร้อมอยู่เป็นเบื้องหลังโดยที่ไม่มีคนรู้จักท่านเลย ทุกวันนี้ท่านก็ตัวติดกันครับไปไหนก็ไปด้วยกัน ดูแลกันตลอด"
“แรกๆ คุณปู่ไม่สนับสนุนให้คุณพ่อเล่นดนตรี แต่สุดท้ายคุณปู่ไปดูการแสดง และดูว่าจะเป็นอาชีพได้ไหม และยังตามไปดูศิลปินต่างประเทศว่าเป็นอย่างไร อ๋อ…วงมันต้องบริหารอย่างนี้ ท่านก็เลยเป็นที่ปรึกษาให้คุณพ่อ"
"คุณปู่ทำให้ผมเรียนรู้ว่า ลูกอยากเป็นอะไรต้องสนับสนุน ตอนผมจบเกรด 12 ครูแนะแนวเขาก็ถามผมว่าเกรดอย่างนี้จะไปเรียน Business School หรือสายแพทย์ก็ได้นะ ที่บ้านบอกว่าแล้วแต่ผมได้เลย ตอนนั้นผมอยากเป็นนักดนตรี และเลือกเรียนธุรกิจควบคู่ให้สนับสนุนธุรกิจดนตรีของเรา ต้องขอบคุณคุณปู่นะครับที่สนับสนุนคุณพ่อในวันนั้น ถ้าท่านไม่สนับสนุนคุณพ่อในวันนั้นก็คงไม่มีผมในวันนี้”
“คุณพ่อบอกกับผมเสมอว่า เสียงเพลงมีวัน out นั่นหมายถึงเสียงเพลงมันจะอยู่กับแฟนเพลงหรือคนดูได้ในชั่วเวลาหนึ่ง มีวันหมดเทรนด์ ถ้าคุณให้เสียงเพลงอาจจะอยู่ได้สิบปี ยี่สิบปี หรืออีกสิบปีก็อาจไม่ฮิตแล้ว แต่ถ้าคุณให้แรงบันดาลใจกับคนฟังได้ มันจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต คุณไม่จำเป็นต้องมาเล่นเปียโนเหมือนผมก็ได้ คุณอาจจะเล่นกีฬา วาดรูป หรือทำหน้าที่ใดๆ ก็แล้วแต่ จงทำให้มันดีที่สุด ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดผ่านโต๊ะอาหารในวงข้าวครับ”