6 เทคนิคแก้ไขปัญหาหนังตาตกและหย่อยคล้อย
นับเป็นปัญหาความงามกวนใจสาวๆ รุ่นใหญ่หัวใจอ่อนเยาว์จำนวนไม่น้อย สำหรับ 'หนังตาตกและหย่อนคล้อย' ซึ่งมักเกิดจากกล้ามเนื้อรวมถึงคอลลาเจนใต้ชั้นผิวขาดความแข็งแรง ยืดหยุ่น จนหย่อนคล้อยตามกาลเวลา ตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น
ในหลายๆ รายส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันด้วย เพราะผิวหนังเปลือกตาที่ตกลงมาบดบังการมองเห็น ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่กว้างและชัดเจนเท่าที่ควรจะเป็น มองเห็นตาดำนิดเดียว ดวงตาดูปรือเหมือนง่วงตลอดเวลา ใบหน้าไม่สดใส อีกทั้งยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ทำให้แลดูว่า “มีอายุเกินจริง”
แต่อย่าวิตกกังวลจนเกินไป O-lunla สรรหาหลากเทคนิคที่จะช่วยแก้ไขปัญหาหนังตาตกและหย่อนคล้อยนี้บรรเทาเบาบางลงและหายไปในที่สุด
เราขอแนะนำไล่เรียงเทคนิคตามลำดับข้อ 1 สำหรับผู้ที่มีปัญหาน้อย >>> ไปจนถึงข้อ 6. ปัญหาใหญ่ที่ทำให้หนักอกหนักใจ จะง่ายหรือยากแค่ไหน มาลองดูกัน
1.บริหารกล้ามเนื้อตาแบบง่ายๆ
วิธีนี้สามารถทำได้เองทุกวัน ที่ไหน เมื่อไรก็ได้ เป็นการช่วยชะลอความหย่อนคล้อยของเปลือกตาเพราะโครงสร้างกล้ามเนื้อและผิวแข็งแรงขึ้น
เริ่มต้นให้มองตรงไปข้างหน้า ใช้นิ้วชี้ทั้ง 2 ข้างวางใต้คิ้วในแนวนอน จากนั้นดันนิ้วขึ้นแล้วค้างไว้ให้ชนโหนกคิ้ว จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง จนรู้สึกถึงแรงดึงจากนิ้ว แล้วค่อยขมวดคิ้วทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน ค้างไว้โดยนับ 1-3 จากนั้นลืมตาขึ้นและปล่อยนิ้ว ให้บริหารซ้ำอย่างนี้ 5 ครั้ง ทำเป็นประจำทุกวัน เพียงเท่านี้ปัญหาหนังตาตกหย่อนคล้อยก็จะดีขึ้น (สำหรับกรณีที่ไม่ได้มีปัญหามาก เริ่มมีปัญหาเบื้องต้นหรือผู้ยังไม่มีปัญหาแต่อยากป้องกันเอาไว้ก่อน)
2.ทาครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่ยกกระชับ
คิดย้อนกลับไปสักหน่อย ดวงตาของเราทำงานหนักขนาดไหน เราต้องกะพริบตาประมาณ 12 - 20 ครั้งต่อนาที กล้ามเนื้อมัดเล็กๆ รอบดวงตาจะหดตัวทุกสองสามวินาทีระหว่างที่เราหัวเราะ ร้องไห้ พูดหรือยิ้ม จึงไม่แปลกที่ดวงตาจะฟ้องถึงอายุได้ (หากเราไม่ค่อยได้บำรุงดูแลให้ดีมากพอ) เดี๋ยวนี้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตามีการพัฒนาเทคโนโลยีและวิวัฒนาการมากมาย เพิ่มสรรพคุณมากมายลงไป ทั้งต่อต้านริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใส เติมความชุ่มชื้น ลดรอยดำรอยแดง รวมถึงช่วยยกกระชับด้วย ลองมองหาครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของกรดไฮยารูลอนิกที่ช่วยในการยกกระชับมาใช้
ที่สำคัญอย่าลืมบำรุงผิวรอบดวงตาคุณทุกวัน ทาเบาๆ โดยเริ่มจากหัวตาที่ข้างจมูก แล้วค่อยๆ แตะครีมออกไปไปทางขมับ
นอกจากนี้ลองใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อนวดกดจุด รอบดวงตาและบริเวณคิ้ว กดจุดบนคิ้วด้วยปลายนิ้วและยกคิ้วขึ้น หากมีริ้วรอยลึกรอบดวงตา ให้ลองลูบรอยเหล่านั้นให้เรียบเนียนด้วยปลายนิ้วพร้อมครีมบำรุง ท่องเอาไว้เสมอ จงทำอย่างเบามือ อย่ากดหนักบนผิวที่บอบบางเด็ดขาดหากไม่อยากเพิ่มริ้วรอยให้ผิวรอบดวงตา
3.แต่งหน้าช่วยอำพราง
สำหรับคนที่กลัวเจ็บ ไม่กล้าผ่าตัด ไม่อยากเสียเงิน เทคนิคการแต่งหน้าที่ดีก็สามารถช่วยพรางปัญหาหนังตาตกและหย่อนคล้อยได้เช่นกัน
ก่อนอื่นควรทาครีมรองพื้นสำหรับดวงตา ตั้งแต่ช่วงเปลือกตาลงมาถึงขนตา เพื่อให้ผิวหนังรอบดวงตาดูเรียบเนียนและแต่งตาได้เนี้ยบขึ้น อายไลเนอร์จะเป็นตัวช่วยชั้นดีที่จะทำให้ดวงตาดูยกกระชับขึ้นแบบไม่ต้องเจ็บตัว
บ๊อบบี้ บราวน์ กูรูเมคอัพและความงามบอกว่าขณะที่ดวงตาเริ่มหย่อนคล้อยไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก การกรีดอายไลเนอร์ไปตามเปลือกตาบนโดยไม่ต้องกรีดเปลือกตาล่างจะช่วยให้หางตาดูยกขึ้นได้ เพียงตวัดปลายหางอายไลเนอร์ขึ้นเล็กน้อย (ไม่ต้องชี้มากเหมือนแต่งหน้างิ้วนะ) และละเว้นการลงไฮไลท์หรือกลิตเตอร์แวววาวลงบนผิวรอบดวงตาที่มีปัญหาริ้วรอย เพราะมันจะยิ่งไปเน้นให้ริ้วรอยนั้นดูเด่นขึ้น แต่ถ้าชอบไฮไลท์มากจริงๆ แนะให้แตะแค่บริเวณหัวตาจากนั้นไล่สีอายแชโดว์ให้ส่วนเข้มอยู่ขึ้นไปบริเวณหางตา
นอกจากนี้รูปทรงของคิ้วก็ช่วยได้เช่นกัน ลองเขียนคิ้วให้ปลายหางคิ้วยกขึ้นไม่โค้งต่ำลง เท่านี้ทุกอย่างบนใบหน้าก็จะเหมือนถูกยกขึ้นแล้ว ลองเริ่มจากพิจารณาว่าคิ้วของคุณเป็นรูปอะไรและคิ้วแบบไหนเหมาะกับใบหน้าที่สุด ควรจะคงรูปคิ้วดั้งเดิมไว้เสมอ ธรรมชาติได้กำหนดความงามของเราไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ต้องปรับแต่งมันเท่านั้นเอง
4.ฉีดโบท็อกซ์เพื่อการยกกระชับ
Botox หรือ Botulinum toxin A เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากการสร้างของแบคทีเรีย 'คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม' (Clostridium botulinum) เชื้อโรคนี้หากได้รับมากเกินไปจะทำให้อาหารเป็นพิษหรือเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อยๆ อย่างพอเหมาะ จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว แพทย์นำมาใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และในวงการเสริมความงามเพื่อช่วยให้ริ้วรอยต่างๆ ลดลงและกระชับผิวให้ดีขึ้น ในการฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหาหนังตาตกหย่อนคล้อย ส่วนใหญ่อาการข้างเคียงจากการฉีด botox พบได้เล็กน้อย เช่น รอยช้ำ มักมีอาการไม่เกิน 1 สัปดาห์และการเปลี่ยนรูปของคิ้วซึ่งเกิดขึ้นได้ชั่วคราว
โดยหลังโบท็อกซ์ควร งดการนวดหน้า ขัดหน้า และเลเซอร์ผิวหนัง อย่างน้อย 2 สัปดาห์ และภายหลังการฉีด 4 ชั่วโมง ไม่ควรนอนราบ รอยช้ำเล็กน้อย หลังการฉีดสามารถหายเองได้ ไม่ควรประคบร้อนเพราะจะทำให้โบท็อกซ์สลายตัว โดยทั่วไปอาการหนังตาตกจากการฉีดโบท็อกซ์จะดีขึ้นได้เอง โดยทั่วไปประมาณ 4-6 สัปดาห์ และร่วมกับการใช้ยาหยอดตาที่มีฤทธิ์เพิ่มการทำงานของเปลือกตาบน
5.ผ่าตัดศัลยกรรมคืนความอ่อนเยาว์ให้ดวงตา
ถ้าหนังตาตกมากเกิดปัญหาเกินเยียวยา การศัลยกรรมด้วยการตัดผิวหนังส่วนเกินออกแล้วเย็บกลับเข้าที่ ก็จะช่วยคืนความสดใสอ่อนเยาว์ให้หนังตาได้ (ซึ่งอาจมีอาการฟกช้ำใน 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด) ในบางรายอาจใช้เป็นการทำตาสองชั้นร่วมกับตัดเก็บหนังตาส่วนเกินซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างตรงจุด เพราะหากหนังตาตกเยอะ การเย็บชั้นตาให้สูงขึ้นโดยที่ได้ไม่ได้ตัดหนังตาส่วนเกินออกนั้น เมื่อยุบบวมก็จะมีหนังตาตกลงมาปิดเหมือนเดิม
หลายๆ คนพอได้ยินคำว่าตัดหนังตาออก อาจจะกลัวว่าแล้วจะหลับตาไม่สนิทหรือเปล่า ตาจะปลิ้นน่ากลัวหรือเปล่า ไม่ต้องกังวลไปเพราะการตัดหนังตาที่เหมาะสมนั้น จะมีการวัด และตัดเฉพาะหนังตาที่เป็นส่วนเกินออกเท่านั้น ยังคงเหลือกหนังตาปริมาณมากพอที่จะหลับตาได้สนิทเป็นปกติ โดยเทคนิคและกระบวนการนั้นศัลยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าแต่ละคนควรแก้ไขปัญหาด้วยเทคนิคใดจึงจะมีความเหมาะสมเฉพาะตัวและตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด
สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับการศัลยกรรมตกแต่งดวงตาแบบปลอดภัยเพิ่มเติมได้ที่
www.surgery.or.th
6.เทคโนโลยีแสงบำบัดเพื่อดวงตายกระชับแบบฉับไว
นวัตกรรมแสงบำบัด นับเป็นอีกทางเลือกในการแก้ปัญหานี้แบบไม่เจ็บตัวมากนัก (แต่อาจเจ็บกระเป๋ามากหน่อย)
ด้านเทคนิคนั้นเป็นการใช้แสงอินฟราเรดสร้างมวลความร้อน 70-100 ํC ยิงมาชนกันใต้ผิว ขณะเดียวกันจะให้ความเย็นแก่ผิวชั้นนอกด้วย Cooling Contact จึงไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง วิธีนี้ช่วยกระตุ้นการผลิตอีลาสตินและคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของผิวขึ้นใหม่ ส่งผลให้เกิดแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเซลล์ผิว ผิวจึงแน่นตึงและเกิดการยกตัวของผิวรอบดวงตา พร้อมแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก รวมถึงความตกและหย่อนของเปลือกตารวมถึงโหนกคิ้ว ช่วยให้ดวงตาดูกลมโตและอ่อนเยาว์ แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังการรักษาด้วย
ไม่ว่าจะเลือกแก้ไขปัญหาหนังตาตกและหย่อนคล้อยด้วยเทคนิคไหน อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำเสมอ เพื่อความสวยที่ปลอดภัย สบายใจไร้กังวล
ภาพประกอบ : pixabay
สนใจติดตามข่าวสารดี๊ดี แอดไลน์เป็นเพื่อนกัน |