6 กุมภาพันธ์ 2563 ทีมนักเขียนนักข่าวจากประเทศไทย 7 ชีวิต ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ไทเป ไต้หวัน ด้วยความระมัดระวังตัวอย่างหนัก เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อจากโรคระบาดทุกประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่สำคัญจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นไม่หยุด
เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ไปเยี่ยมเยือนหลายแห่ง แต่ไฮไลต์คือ Taiwan Lantern Festival 2020 ซึ่งปีนี้เจ้าภาพผู้จัดคือเมือง “ไถจง” ในธีม The Dazzling City –เมืองระยิบพริบพราว-- ระหว่างวันที่ 8-23 กุมภาพันธ์ 2563 โดยวันแรกของงานเปิดตัวยิ่งใหญ่คือวันที่ 8 ซึ่งเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง อากาศหนาวกำลังพอเหมาะ ส่งให้พระจันทร์สวยประทับใจขึ้นไปอีก
วันแรกของเทศกาลโคมไฟของไต้หวัน จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ของไทย หรือวันมาฆบูชา ซึ่งคนไทยพุทธนับเป็นวันพระใหญ่ จะไปทำบุญ ฟังธรรมและเวียนเทียน
วันเดียวกันนี้ สำหรับชาวจีนตามปฏิทินจันทรคติ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 หรือวันพระจันทร์เต็มดวงแรกของเทศกาลตรุษจีน เรียก “หง่วงเซียวโจ่ย” และมีประเพณีไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคล
เทศกาลโคมไฟ
ตามความเชื่อของจีนมีหลายตำนาน แต่รูปแบบออกมาคล้ายคลึงกันคือเทพเจ้าจะประทานพรให้กับผู้มีโคมแดงแขวนหน้าบ้าน หนุ่มสาว และเด็กเล็กก็จะถือโคมไปไปร่วมงานเทศกาล วันที่ 15 ค่ำเดือน 1 จึงมีอีกชื่อว่างาน “เทศกาลโคมไฟ”
ไต้หวันเป็นประเทศเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปชมเทศกาลโคมไฟทุกปี คนแน่นขนัด ทีมไทยแลนด์ออกจากไทเปเพื่อเช็คอินเข้าโรงแรมในไถจง ก่อนลงมาร่วมงานแถลงข่าวนานาชาติ
สำนักงานการท่องเทียวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการเดินทางครั้งนี้ นัดทีมไทยแลนด์แต่เนิ่นๆ เพราะรู้ดีว่า นักท่องเที่ยวมากขนาดไหน เริ่มต้นที่สวนสาธารณะเหวินซิน พวกเราเดินถ่ายรูปเล่นเพลินมาก ทั้งโคมไฟรูปสัตว์ รูปผลไม้ และอุโมงค์ไฟยาวที่ใครเห็นเป็นอดลอดและถ่ายเซลฟี่ไม่ได้
ก่อนจะต้องรีบไปยัง Houli Forest Park สถานที่จัดงานหลักกว้างขวางใหญ่โต และต้องขอบอกก่อนเลยว่า ใครจะมาเดินชมงานเทศกาลโคมไฟไต้หวันให้สนุก ควรซ้อม “เดิน” มาให้พร้อม
Lantern of Creativity
พวกเราถ่ายรูปกันเพลิน บรรเจิดกับจินตนาการของดีไซเนอร์ที่ออกแบบโคมไฟแบ่งออกเป็นโซน ๆ อาทิ “Tree of Light” หรือ “Guardian of the Forest” ที่สื่อว่าถนนทุกสายของไต้หวันมารวมกัน ณ ที่นี้ เส้นสาย 22 เส้น หมายถึงการปกครอง 22 เขต ดวงไฟ 368 ดวงสื่อถึงเมือง 368 เมือง ใบไม้ทรงหัวใจ 2,359 ใบ ก็คือจำนวน 23.59 ล้านคน
เราเริ่มต้นเดินกันที่โซนนี้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด เห็นความสวยงามและความประณีตในการออกแบบ ก่อนที่ต่างคนต่างเดินลึกเข้าไปในงาน
โซน “Land of Joy” ซึ่งเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ ตัวการ์ตูนญี่ปุ่น การ์ตูนอเมริกัน
โซน “The Sound of Flowers Blooming” ละลานตามากกับโคมไฟทรงดอกไม้น้อยใหญ่ แต่ที่ต้องแอบไปยืนดูทั้งใกล้ทั้งไกล คือ โคมไฟทรงกลมยักษ์ที่มีแมคคานิคฝังอยู่โดยรอบ เวลากางพรึ่บก็จะกลายเป็นโคมทรงกลม เวลาพับเก็บพรึ่บ ก็จะกลายเป็นรูปนกนับพันตัวรอบโคมไฟ ที่วิเศษกว่านั้นคือ เมื่อฟ้ามืดลง ถอยออกไปยืนมองไกลๆ เหมือนจันทร์ดวงโตแข่งกระพริบแสงกับพระจันทร์ลิบๆ บนท้องฟ้านั่น
โซน “A Hundred Singing Bird” คณะกรรมการแถลงย้ำจุดเด่นบ่อยครั้งว่า แม้ไต้หวันจะเป็นเกาะเล็กๆ แต่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก ความหลากหลายของพันธุ์นกเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งไต้หวันมีเทศกาลดูนกด้วย
นอกจากโซนโคมไฟของดีไซเนอร์ชั้นนำแล้ว ลึกไปข้างในยังมีโคมไฟจากท้องถิ่นที่แฝงเรื่องเล่าของวัฒนธรรมแต่ละพื้นที่ด้วย ซึ่งน่าเสียดายที่โซนนี้ไม่มีภาษาอังกฤษอธิบายใดๆ มีเพียงภาษาจีนให้เราต้องควักมือถือมาใช้แอปฯ แปลภาษาแบบกระท่อนกระแท่น
อากาศหนาวกลายเป็นอุ่นขึ้นเล็กน้อย ทุกคนพร้อมใจกันฟังคำกล่าวเปิดของประธานาธิบดีหญิง “ไช่อิงเหวิน” เมื่อสิ้นเสียงประธานาธิบดี เสียงปรบมือดังกึกก้อง ไฟในโซนต่างๆ ก็เต้นระบำ สร้างความตื่นเต้นและสนุกครึกครื้นให้ผู้ชม Tree of Light สว่างเจิดจ้า เพลงชาติดังขึ้น
แม้จะฟังภาษาจีนไม่ออกเลยสักนิด แต่น่าประทับใจไม่รู้ลืม สัมผัสได้ถึงความรักความกลมเกลียวของผู้คนผ่านงานประเพณี
โควิดอันตรธานไปเมื่อไร ต้องกลับไปเที่ยวอีกแน่นอน