นิตยสาร O-lunla
ในบรรดาประเทศอาเซียนบ้านใกล้เรือนเคียงกับไทย ประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงอายุด้วยความเร็วพอๆ กับไทย ก็คือ "สิงคโปร์"
สาธารณรัฐสิงคโปร์มีสัดส่วนผู้สูงอายุสูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียน และมีสภาพสังคมเป็นเขตเมือง แต่สามารถจัดระบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสิงคโปร์ให้ความสำคัญและวางแผนเพื่อก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างชัดเจน ตั้งแต่นโยบายโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วม ที่คนต่างเจเนอเรชั่นต่างรุ่นได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ทุกเสียงมีความหมาย
แนวคิด “จุดรับฟัง” หรือ Listening Points เป็นตัวอย่างที่ดีที่ต้องพูดถึง ซึ่งมีที่มาจาก Ministerial Committee on Ageing (MCA) ทำงานร่วมกันกับชาวสิงคโปร์กว่า 4,000 คน ที่มาร่วมด้วยช่วยกันแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์และพื้นที่สาธารณะว่าจะทำอย่างไรให้สังคมผู้สูงอายุในสิงคโปร์ดีขึ้น ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่รองรับและเป็นมิตรกับผู้สูงอายุในอนาคต
อาสาสมัครผมสีเงิน
ผู้สูงอายุในสิงคโปร์ตื่นตัวกับการดูแลสุขภาพตนเองไปจนถึงการลุกขึ้นมาเป็นอาสาสมัครดูแลเกื้อกูลกัน เหมือนกับ Ho Lai Lan วัย 69 ปี ที่มาพร้อมกับตำแหน่ง Silver Generation Ambassador
เธอเลือกใช้ชีวิตหลังเกษียณโดยเป็นอาสาสมัคร ทำหน้าที่ไปเคาะประตูบ้านเยี่ยมผู้สูงอายุ และให้ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมการดูแลสุขภาพแห่งชาติสิงคโปร์ สอดคล้องกับนโยบายดึงศักยภาพของผู้สูงวัยออกมาใช้เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนในวัยเดียวกัน
50 อัพ ต้องได้เรียน
The National Silver Academy (NSA) สถาบันที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุเลือกเรียนรู้ในหลักสูตรเพื่อพัฒนาตัวเองไปจนถึงสร้างอาชีพให้กับพลเมืองชาวสิงคโปร์ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
มีหลักสูตรตั้งแต่อาบน้ำตัดขนน้องหมาพื้นฐาน นวดสัตว์เลี้ยง ปลูกผักไมโครกรีน ไปจนถึงหลักสูตรบัญชีและการเงิน
เห็นการเตรียมพร้อมของบ้านเมืองเขาแล้ว ก็อยากให้สังคมไทยที่กำลังจะก้าวเท้าตามเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมีโปรเจกต์ดีๆ แบบนี้บ้าง
เพราะผู้สูงวัยจำนวนมากยังคงมีศักยภาพและมากด้วยประสบการณ์ที่ยังคงเป็นประโยชน์ ทั้งต่อตนเองและสังคม
สนใจติดตามข่าวสารดี๊ดี แอดไลน์เป็นเพื่อนกัน | (คลิกจากโทรศัพท์มือถือ)