นิตยสาร O-lunla
คอลัมน์ Share & Care
ถ้าเปรียบอารมณ์ของคนเราเป็นเฉดสี อารมณ์ความรู้สึกของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าคงคล้ายกับตอนฝนใกล้จะตก ท้องฟ้าไม่โปร่งใส มองไปก็ทำให้รู้สึกหม่นหมอง ไร้ชีวิตชีวา
แม่ของฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่เคยอยู่ในโลกสีเทานั้น
โลกสีเทาของแม่
ฉันเกิดและเติบโตที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตอนเด็กๆ ฐานะครอบครัวของบ้านเราค่อนข้างดี มีที่ทางสามารถทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างสบาย แต่ชีวิตที่มีความสุขก็ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด เมื่อวันหนึ่งพ่อกับแม่ตัดสินใจแยกทางกัน ทรัพย์สมบัติถูกแบ่ง หัวใจของแม่คงแตกสลายไม่มีชิ้นดี
แต่ตอนนั้นฉันกำลังเป็นวัยรุ่น ติดเพื่อน ติดเที่ยวสนุกสนาน และไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำร้ายจิตใจของแม่ขนาดนี้ สิ่งที่รับรู้มีเพียงว่า แม่เสียใจทุกครั้งเมื่อเอ่ยถึงพ่อ และรู้สึกเสียดายที่ทางที่ต้องถูกแบ่งหลังจากเลิกรากันไป
หลังจากเรียนจบ ฉันเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ นานๆ ถึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง ผ่านไปไม่กี่ปี มารู้ตัวอีกทีก็รับรู้ว่าแม่ในวัย 40 ปลายๆ ของตัวเองมีอาการผิดปกติ มีอารมณ์ซึมเศร้า เหนื่อยหน่าย ไม่สนใจตัวเอง นอนไม่หลับ และที่หนักที่สุดคือ ไม่ยอมกินข้าวกินปลา จนทำให้น้ำหนักลดฮวบฮาบ
ฉันต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างกรุงเทพฯ กับสุพรรณบุรีเพื่อพาแม่ไปหาจิตแพทย์ แต่อาการของแม่ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เพราะเมื่อไม่มีฉันอยู่ด้วย ท่านจะกินยาบ้างไม่กินยาบ้าง ช่วงที่กินยาอาการท่านจะปกติ แต่เวลาไม่กินยา สติของแม่เหมือนไม่อยู่กับตัว
และครั้งที่เลวร้ายที่สุดคือแม่เดินหายออกจากบ้านไปจนญาติต้องตามหากันยกใหญ่ สุดท้ายพบตัวท่านอยู่ในป่าในไร่เหมือนคนหลงทาง
ช่วงนั้นนอกจากฉันจะสงสารแม่ อยากให้ท่านหายจากโรคนี้ ตัวฉันเองก็เกิดความรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนวัยทำงานที่เพิ่งเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างฉันต้องมารับภาระอันหนักอึ้งนี้ด้วย
จากคนที่เคยเที่ยวเตร่หัวหกก้นขวิดกับเพื่อน เมื่อต้องกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว ฉันพยายามสลัดความน้อยใจออกไป เหลือเพียงความคิดที่ว่า
“ต่อไปนี้ฉันจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด จะทำทุกอย่างเพื่อให้แม่กลับมาใช้ชีวิตอย่างสดใสอีกครั้ง”
เปลี่ยนสภาพแวดล้อม เยียวยาจิตใจ
ฉันตัดสินใจซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ และรับแม่มาอยู่ด้วย พร้อมทั้งพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนักแทน
เมื่อได้ดูแลแม่อย่างใกล้ชิด ดูแลการกินยา การใช้ชีวิตประจำวันของท่าน แม่กลับมายิ้มหัวเราะร่าเริงได้อีกครั้ง
และสิ่งที่ดีที่สุดคือแม่ได้ออกมาจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ที่ทำให้ฝังใจกับเรื่องราวในอดีต มาอยู่ในสถานที่ใหม่ที่ผู้คนเป็นมิตรและจิตใจดี
เพื่อนใหม่ของแม่เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ช่วงกลางวันลูกหลานต่างก็ไปทำงาน ทุกคนทราบว่าแม่ป่วยจึงคอยให้กำลังใจ ชวนคุยในเรื่องที่ทำให้สบายใจ
เสาร์อาทิตย์เมื่อมีเวลา ฉันจะพาแม่ไปเที่ยว ไปกินอาหารอร่อยๆ ด้วยกัน ฉันคิดว่าตัวเองยังโชคดีที่มีโอกาสได้ดูแลแม่และทำให้โลกของแม่กลับมาสดใสได้อีกครั้ง
ถ้าคนใกล้ตัวของคุณมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า ฉันอยากบอกว่าอย่ารีรอที่จะพาไปหาหมอนะคะ เพราะโรคนี้รักษาได้ อย่าปล่อยให้สายเกินไปค่ะ
สนใจติดตามข่าวสารดี๊ดี แอดไลน์เป็นเพื่อนกัน | (คลิกจากโทรศัพท์มือถือ)