นิตยสารโอ-ลั้นลา
คอลัมน์ : หนุนตักฟังเรื่องเล่า
ในโลกออนไลน์ เขาเป็นที่รู้จักในนาม “เสกสรร ปั้น Youtube” ด้วยยอดแฟนเพจนับแสน แถมขยันเดินสายสอนการทำคลิป จนมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ
...
ก่อนปักหลักบนเส้นทางนักปั้นยูทูบ เสกสรร เทิดสิริภัทร เขาเคย “ลอง” เป็นหลายอย่าง อยู่นานถึง 17 ปี โดยมีพลังรักจากครอบครัวและคนรอบข้างเป็นน้ำมันหล่อลื่น
แม้ไม่รู้ว่าปลายทางที่เรียกว่าความสำเร็จจะไป บรรจบที่ตรงไหน แต่แค่คนรอบตัวบอกว่า “ทำไปให้สุด” เขาก็ถือว่าเป็นสิ่งคุ้มค่าของชีวิตแล้ว
จุดเริ่มต้นของเสกสรร ปั้น Youtube
ผมเรียนวิศวะเคมี ม.เกษตรศาสตร์ แต่ภาษาอังกฤษไม่เก่ง ตอนจบมาเป็นช่วงฟองสบู่แตกพอดี งานหายากมาก จะไปทำงานในโรงงานก็ต้องเก่งภาษาอังกฤษ ตอนสัมภาษณ์จำได้เลยว่าผมก็ยิ้มตลอดตอบไม่ได้ ตระเวนหางานไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่ได้สักที เลยมาลงเรียนเพิ่มเติมที่สารพัดช่าง เรียนซ่อมวิทยุ โทรทัศน์ ซ่อมคอมพิวเตอร์ภาษาจีนก็เรียน กีตาร์ก็เรียน เรียกว่าเป็นการค้นหาว่าจริงๆ แล้วเราชอบอะไร
ค้นหาอยู่นานเลย 3 ปีก็มาได้งานแรกในชีวิตจากรุ่นพี่คือเป็นหัวหน้าคนงานจับกุ้ง คอยคุมคนงาน แยกไซส์กุ้งตัวใหญ่ตัวเล็ก จัดลงตะกร้า ดูความเรียบร้อย ตอนนั้นชอบมาก ได้อยู่กับธรรมชาติ ไม่ต้องจำเจในโรงงานตกเย็นไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรกำแพงแสน คิดว่ามันใช่เลย
ครอบครัวกดดันไหมว่าต้องรีบประสบความสำเร็จ
ไม่เลย ทั้งครอบครัวให้กำลังใจผมหมด ทั้งพ่อ แม่ พี่สาวอีกสองคน ทุกคนบอกไม่เป็นไร ค่อยๆ หาไป พี่สาวก็ให้เงินใช้ เพราะผมไม่ค่อยมีรายได้ ไม่เคยมีใครกดดันเรา อย่างตอนเรียนภาษาจีนเขาก็ให้เงินไปเรียนซึ่งทุกคนเชื่อมั่นในตัวผมมา
ตลอด
เคยท้อบ้างไหมที่เราต้องค้นหาตัวเองนาน
เคยมีแวบๆ ว่าทำไมเพื่อนรุ่นเดียวกันมีตำแหน่งใหญ่โตกันแล้ว เวลามีรียูเนียนเลี้ยงรุ่น เราก็ทำตัวเล็กๆหน่อย เขามีโบนัสหกเดือน เรานี่งานยังไม่มี ไปไม่ถึงไหนเลย ยอมรับว่ามีคิดมากบ้าง แต่ไม่ใช่คิดอย่างเดียวต้องพยายามหาลู่ทางด้วย
จุดพลิกผันในชีวิตคืออะไร
ทำบ่อกุ้งได้หนึ่งปี มีรุ่นพี่ชวนให้ไปทำงานที่โรงเรียนสารสาสน์พิทยา จุดพลิกผันสำคัญในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อเจ้านายให้เงินไปซื้อกล้องวิดีโอมาถ่ายและตัดต่อเพื่อโปรโมตโรงเรียน แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย - - ทางเลือกมีแค่สองทางคือ ปฏิเสธตอบว่าทำไม่เป็น และตอบตกลงเพื่อจะลองดู ผมเลือกอย่างหลัง
ผมไปเรียนวิธีถ่ายวิดีโอในยูทูบด้วยตัวเอง ซื้อหนังสือออนไลน์จากเมืองนอกทั้งที่ภาษาอังกฤษไม่เก่งเลย เพราะสมัยนั้นหนังสือภาษาไทยแทบไม่มีเลยแปลออกบ้าง ไม่ออกบ้าง อาศัยดูรูปเอา ผมได้ลองผิดลองถูกทั้งปีทำวิดีโอตัดต่อให้โรงเรียนจนชำนาญอยู่สามสี่ปีก็คิดว่าน่าจะรับถ่ายวิดีโอเป็นอาชีพเสริมให้เราได้ แต่กล้องวิดีโอก็แพงมาก เลยมาบอกแม่...แม่เห็นว่าเราตั้งใจก็ให้เงินทุนมาก้อนหนึ่งประมาณสองแสนบาท ที่แม่ยอมให้เพราะแม่รู้นิสัยผมดีว่า ถ้าผมมุ่งมั่นทำอะไรแล้ว ผมจะตั้งใจและต้องทำมันให้ได้จริงๆ ปีแรกที่รับงาน ถ่ายงานแต่งงานนี่แทบไม่ได้เงินเลย เพราะผมไม่ได้จบด้านนี้ คอนเนกชั่นไม่มี ผลงานน้อยไม่มีใครรู้จัก ก็เลยต้องสร้างชื่อก่อนด้วยการไปถ่ายงานให้เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ถ่ายให้ฟรีเงินไม่ได้ ได้อย่างเดียวคือผลงาน
ต่อมายูทูบเริ่มเป็นที่รู้จัก ผมก็เริ่มโปรโมตผลงานลงยูทูบ ทำไปได้ปีหนึ่งก็เริ่มกลับมาคิดว่า วิดีโอโปรโมตผลงานไม่ได้ให้คุณค่ากับคนดูสักเท่าไหร่ ผมกลับมาคิดทบทวนว่าผมมีความรู้ที่ไม่เหมือนใคร คือความรู้การตัดต่อวิดีโอ เลยสอนตัดต่อวิดีโอดีกว่า คนอาจจะแฉลบไปดูผลงานวิดีโอตัดต่ออื่นๆ ของผม และอาจสนใจจ้างงานก็ได้ ก็เลยเริ่มทำเองลุยเอง
ผมไม่มีเงินไปลงโฆษณาอะไรมาก แต่ผมมีแรงบันดาลใจ เป้าหมายชัดเจนว่าผมสนใจเรื่องตัดต่อ และอาจมีคนที่สนใจเรื่องตัดต่ออย่างผม ผมไม่แคร์เรื่องยอดวิว แต่ผมมีเป้าหมายของผมชัดเจนแล้วว่าผมชอบสิ่งนี้
วิดีโอตัวแรกๆ เป็นอย่างไร
ธรรมดามาก เสียงไมค์ก็ไม่ค่อยดี พูดแข็งมากเรื่องการพูดนี่ผมสั่นมากตั้งแต่เด็ก สมัยฝึกทำวิดีโอใหม่ๆ หรือต้องพูดที่ไหน ผมต้องพรินต์รูปของพ่อ แม่อาม่า อากงมาติดเพื่อซ้อมพูดให้มีอายคอนแทกต์ ฝึกไปเรื่อยๆ จนพัฒนาขึ้น จนวันนี้ผมไม่กลัวการพูดอีกต่อไปแล้ว
หลังจากนั้นอีกประมาณ 5 เดือนผมก็เลยตัดสินใจทำคอร์สสอนการสร้างรายได้จากยูทูบในช่องของผมตอนนี้ผมพูดเป็นต่อยหอยเลยจนแม่เองยังตกใจ
จากคนดูไม่กี่สิบคนพลิกมาเป็นแสนได้อย่างไร
เป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ของผมคือตอนที่ยูทูบมาเปิดสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย (พฤษภาคม 2557) ทุกคนสามารถเปิดสร้างรายได้จากช่องยูทูบได้เอง นี่ถ้าเป็นในสนามฟุตบอลต้องบอกว่าลูกบอลวิ่งมาเข้าทางผมเลย ผมเลยเปลี่ยนสายจากสอนตัดต่อวิดีโอมาเป็นสอนการทำยูทูบ แนะนำตั้งแต่พื้นฐานว่าการเปิดช่องต้องทำอย่างไร ทำคลิปทำอย่างไร ตัดต่ออย่างไร ทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนให้เรื่องที่น่าเบื่อมีสีสันขึ้น
อะไรคือแรงผลักดันสำคัญของชีวิต
แมบอกเสมอว่าทำอะไรต้องทำให้เต็มที่ ศึกษาอย่างจริงจัง ทำอะไรไม่มีครึ่งๆ กลางๆ ใส่ไปให้หมด ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ เราก็ได้ลองทำ
พ่อและแม่ขายก๋วยเตี๋ยวเนื้ออยู่ที่ตลาดท่าดินแดงหนักมาก ขายตลอด 365 วัน ไม่มีวันหยุดเลย แม่นอกจากขายก๋วยเตี๋ยวก็ต้องไปช่วยอี๊ขายเสื้อผ้าที่มาบุญครอง ขยันสุดๆ เคยเห็นแม่โดนกระจกบาดเลือดอาบเลย แม่เขาล้างแผลเสร็จ ทำงานต่อ ไม่มีร้อง ไม่เคยบ่น มีความอดทนเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นตลอดว่าการทำงานหนักไม่เคยทำร้ายเรา มีแต่ทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ถ้าไม่มีกำลังใจจากครอบครัวตั้งแต่วันแรกที่ผมจบแล้วไม่มีงานทำ ผมคิดว่าผมอาจไม่มีแรงผลักดันมากขนาดนี้ที่ทำให้ผมมาถึงจุดนี้ได้
ในวันที่ประสบความสำเร็จ อยากบอกกับครอบครัวอย่างไร
พี่สาวผมจะเป็นคนคอยบอกพ่อกับแม่ตลอดว่าผมทำอะไรอยู่ เอาคลิปให้แม่ดู บอก “เดี๋ยวนี้ไอ้อ้วนพูดเก่งแล้วนะ” ในวันที่ผมสามารถหารายได้ก้อนใหญ่ได้ ผมก็เอาเงินมาให้พ่อแม่ เพราะผมยังไม่เคยได้ตอบแทนท่านเลยมีแต่ท่านที่ให้ผมมาโดยตลอด